“เบตง” เป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ในจังหวัดยะลา นับเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย โดยมีลักษณะเป็นหัวหอกยื่นเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาสันการาคีรี มีเนื้อที่ประมาณ 1,328 ตารางกิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 140 กิโลเมตร
และห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 1,590 กิโลเมตร
ด้วยภูมิประเทศของอำเภอเบตงส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงจึงทำให้เบตงมีอากาศดี
และมีหมอกตลอดปี ดังคำขวัญประจำอำเภอที่ว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน”
ที่มาของชื่อ
ชื่อเดิมของอำเภอเบตงคือ ยะรม เป็นภาษามลายูมีความหมายว่า
"เข็มเย็บผ้า" ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2473 อำเภอยะรมได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นอำเภอเบตงในปัจจุบัน
ซึ่งคำว่า เบตง มาจากภาษามลายู ว่า "Buluh Betong" หมายถึง "ไม้ไผ่ขนาดใหญ่" คือ ไผ่ตง ซึ่งมีอยู่มากในท้องถิ่น
ต้นไผ่ตงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอำเภอเบตง
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอเบตงตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ
140 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังนี้
·
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอธารโต
จังหวัดยะลา
·
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส และอำเภอฮูลูเปรัค (กริก) รัฐเประ
ประเทศมาเลเซีย
·
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเปิงกาลันฮูลู
(โกร๊ะ) และอำเภอฮูลูเปรัค รัฐเประ (ประเทศมาเลเซีย)
·
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอบาลิ่ง รัฐเกดะห์ (ประเทศมาเลเซีย)
สภาพภูมิประเทศ
อำเภอเบตงตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาสันกาลาคีรี มีลักษณะคล้ายหัวหอกพุ่งไปอยู่ในดินแดนประเทศมาเลเซีย
มีพื้นที่เป็นที่ราบสูงเนินเขา ลุ่มน้ำ สภาพของเมืองเบตงตั้งอยู่ในหุบเขา
มีลักษณะเหมือนแอ่งกระทะที่โอบล้อมด้วยหุบเขาน้อยใหญ่
พื้นที่ทั่วไปสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,900 ฟุต
ตัวเมืองเบตงอยู่ห่างจากด่านชายแดนเบตงเป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร
เป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้า เป็นเมืองหน้าด่านที่จะนำสินค้าเข้าออกไปยังท่าเรือน้ำลึกปีนังของมาเลเซีย
สภาพภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศร้อนชื้นตลอดปี โดยเฉลี่ย ประมาณ 27.5
– 28.5 องศาเซลเซียส มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน
และฤดูฝน โดยฤดูร้อนอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน
ส่วนฤดูฝนอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนธันวาคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,281.6 มิลลิเมตร ต่อปี มีฝนตกเฉลี่ย 135 วันต่อปี
เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน มีฝนตกชุกที่สุด
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอเบตงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น
5 ตำบล ได้แก่
1.เบตง 2.ยะรม 3.ตาเนาะแมเราะ 4.อัยเยอร์เวง 5.ธารน้ำทิพย์
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอเบตงประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 5 แห่ง ได้แก่
·
เทศบาลเมืองเบตง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเบตงทั้งตำบล
·
เทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลธารน้ำทิพย์ทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลยะรม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลยะรมทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลตาเนาะแมเราะ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลตาเนาะแมเราะทั้งตำบล
·
องค์การบริหารส่วนตำบลอัยเยอร์เวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลอัยเยอร์เวงทั้งตำบล
ภาษา
เดิมพื้นที่อำเภอเบตงเป็นส่วนหนึ่งของรัฐปัตตานี
จึงทำให้ประชาชนดั้งเดิมของอำเภอเบตงนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมเชื้อสายมลายามาก่อน
ต่อมาในปีพุทธศักราช 2443 ได้มีชาวจีนกลุ่มแรกที่เดินทางจากประเทศจีนโดยนำเรือมาขึ้นฝั่งประเทศมาเลเซียแล้วเดินทางเท้า
หรือนั่งเกวียนเข้ามายังพื้นที่อำเภอเบตง
ชาวจีนส่วนใหญ่เมื่อเข้ามาในอำเภอเบตงก็ได้รับจ้างถางป่าหักร้างถางพงผืนป่า
หลังจากนั้นก็มีชาวจีนอพยพเข้ามาเรื่อย ๆ อาจกล่าวได้ว่าชาวจีนที่อพยพมาจากมณฑลกวางสี ซึ่งเป็นมณฑลหนึ่งของจีนที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศจีนซึ่งมีดินแดนบางส่วนติดกับประเทศเวียดนามเป็นกลุ่มชาวจีนกลุ่มใหญ่ที่สุดในอำเภอเบตงที่มีส่วนบุกเบิกอำเภอเบตงมากที่สุด
ซึ่งเรียกกลุ่มตนเองว่า กวางไส (廣西) ซึ่งในปัจจุบันชาวจีนในอำเภอเบตงมีหลากหลายกลุ่ม
เช่น กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ฮากกา และแต้จิ๋ว
จึงส่งผลให้ภาษาพื้นฐานในอำเภอเบตงมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับแวดวงทางสังคม
เชื้อชาติ และศาสนา เช่น ภาษาไทย ภาษามลายูปัตตานี ภาษาจีนกวางตุ้ง ภาษาจีนกวางไส ภาษาจีนแคะ ภาษาจีนฮกเกี้ยน และภาษาจีนแต้จิ๋ว
ศาสนา
ในปีพุทธศักราช 2550
อำเภอเบตงประกอบไปด้วยประชาชนนับถือศาสนาต่าง ๆ ดังนี้
·
52.9% ศาสนาอิสลาม 29,681 คน,
·
46.4% ศาสนาพุทธ 26,114 คน (รวมไปถึงนิกายเถรวาท และนิกายมหายาน),
·
0.7% ศาสนาคริสต์ 252 คน
มีจำนวนศาสนสถาน ดังนี้ มัสยิดทั้งหมด 25 แห่ง วัดในพุทธศาสนา
4 วัดและโบสถ์คริสต์อีก 1 แห่ง
สถานที่ท่องเที่ยว
บ่อน้ำร้อนเบตง เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ความร้อนของน้ำสามารถต้มไข่ให้สุกได้ภายในเวลา 7 นาที ประชาชนทั่วไป
และนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาอาบน้ำแร่ เพราะเชื่อกันว่าทำให้สุขภาพดี
และรักษาโรคบางอย่างได้
ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลาได้สร้างรีสอร์ทไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
อุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่หมู่ 2 บ้านปิยะมิตร
1 ตำบลตะเนาะแมเราะ
เป็นอุโมงค์ดินซึ่งอดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มาลายา (จคม.) สร้างขึ้น
บนเนินเขาในป่าทึบ สำหรับเป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง
ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง
อุโมงค์มีลักษณะคดเคี้ยวเข้าไปในภูเขายาวประมาณ 1 กิโลเมตร
ลึก 50-60 ฟุต และมีทางออก 6 ทาง
ใช้เวลาขุด 3 เดือน เพื่อเป็นที่หลบภัยทางอากาศ
และสะสมเสบียง

สวนดอกไม้เมืองหนาว อยู่ในบริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2 ซึ่งห่างจากหมู่บ้านปิยะมิตร
1 ประมาณ 9 กิเมตร
เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดยมีพื้นที่ตั้งอยู่บนเขา มีอากาศเย็นสบาย มีแปลงทดลองปลูกไม้ดอกหลายประเภท เช่น
ดอกฮอลีฮ้อค ดอกแอสเตอร์ ซึ่งมีสีสันสวยงาม
ปัจจุบันทางโครงการมีบ้านพักไว้ให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

หอนาฬิกาเมืองเบตง หอนาฬิกาเป็นสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ที่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมายาวนาน
เปรียบเป็นสัญลักษณ์ที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเมือง ทำการก่อสร้างด้วยหินอ่อน ในยามเย็นจะเห็นฝูงนกนางแอ่นนับหมื่นตัวมาเกาะอยู่รอบ
ๆ สายไฟบริเวณหอนาฬิกาจนกลายมาเป็นสัญลักษณ์คู่หอนาฬิกา

ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นายสงวน จิรจินดา นายกเทศมนตรีเทศบาลเบตงคนแรก และเป็นอดีตนายไปรษณีย์โทรเลข
ได้เห็นว่าอำเภอเบตงอยู่ห่างไกล มีการติดต่อสื่อสารใด ๆ ไม่ได้เลยนอกจากทางจดหมาย
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเบตงจึงได้สร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้นในปี 2467 โดยได้สร้างขึ้นที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง
ปัจจุบันมีการสร้างตู้ใบใหม่ที่มีขนาดใหญ่เป็น 3.5 เท่าในบริเวณศาลาประชาคม
ถือเป็นตู้ไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน
ตู้ทั้งสองใบสามารถใช้ส่งจดหมายได้

อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กมีความยาวตลอดอุโมงค์
ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2544 อำเภอเบตงได้ก่อสร้างอุโมงค์แห่งนี้ขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาในการขนส่งระหว่างชุมชนเมืองในปัจจุบันกับชุมชนเมืองใหม่
ซึ่งภายในอุโมงค์มีการติดไฟสวยงาม
วัดพุทธาธิวาส วัดพุทธาธิวาสตั้งอยู่ใจกลางเมืองเบตง
มีบรรยากาศร่มรื่นทัศนียภาพงดงามประกอบด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเป็นสง่า
ประกอบไปด้วยพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ
โดยองค์เจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาภายในพระมหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
และพระพุทธธรรมกายมงคลประยูรเกศานนท์สุพิธาน
เป็นองค์พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ มีหน้าตักกว้าง 9.99 ม. สูง 14.29 ม. และมีน้ำหนักประมาณ 40 ตัน
ซึ่งชาวอำเภอเบตงได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างขึ้นเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ
อาหาร
·
เคาหยก
เคาหยก เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของเบตง ทำจากเนื้อหมูกับเผือก
มีวิธีการปรุงที่พิถีพิถันสลับซับซ้อน โดยจะเริ่มจากการนำเนื้อหมู 3 ชั้นมาต้มให้สุก จากนั้นจึงนำขึ้นมาสะเด็ดน้ำในรังนึ่ง
และใช้ช้อนส้อมจิ้มที่หนังหมูเพื่อให้น้ำมันไหลออกมา ทิ้งไว้สักพัก
แล้วนำเกลือมาคลุกให้ทั่ว หลังจากนั้นนำไปทอดในน้ำมันที่เดือดปานกลาง
จนสังเกตว่าหนังหมูเริ่มพอง แล้วจึงนำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน และต่อด้วยการต้มอีกครั้ง
เมื่อนำขึ้นจากหม้อต้มให้นำมาผ่านความเย็นทันที เพื่อเพิ่มความกรอบ
จากนั้นนำมาหันเป็นชิ้นเล็ก ๆ หมักกับเครื่องยาจีน
เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ร่างกาย แล้วนำมาจัดวางสลับกับเผือกทอด
แต่ก่อนที่จะรับประทานต้องนำไปนึ่งอีกครั้ง แล้วจีงโรยหน้าด้วยผักชี
เพื่อดับกลิ่นคาว

·
ปลาจีนนึ่งบ๊วย
ปลาจีน นำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น
แกงส้มปลาจีน ปลาจีนทอดกรอบ ปลาจีนนึ่งบ๊วย ฯลฯ
ผู้ที่ได้รับประทานปลาจีนจะติดใจในรสหวาน และความนุ่มอร่อยของเนื้อปลาจีน
โดยเฉพาะปลาจีนนึ่งเป็นอาหารชั้นหนึ่งจองภัตตาคารใหญ่ ๆ ในอำเภอเบตง
ปลาจีนเป็นชื่อที่ใช้เรียกปลา 3 ชนิด คือชนิดแรก ปลาเฉาฮื้อ
หรือปลากินหญ้า (Grass carp) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ctenopharyngodon
idellus ชนิดที่สอง ปลาลิ่น หรือปลาลิ่นฮื้อ หรือปลาเกล็ดเงิน (Silver
carp) หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hypophthalmichtys Molitrix
ชนิดที่สาม ปลาซ่งฮื้อ หรือ ปลาหัวโต (Bighead carp) ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Aristichthys hobillis ปลาจีนมีลักษณะคล้ายปลากระบอกแต่มีขนาดโตกว่า
เหตุที่เรียกว่าปลาจีนเพราะเป็นปลามาจากประเทศจีน ซึ่งส่งมาขายในมาเลเซีย
ภายหลังชาวเบตงได้ซื้อลูกปลาจากแหล่งขายพันธุ์ปลาบริเวณชายแดน
และนำมาเลี้ยงจนแพร่หลายในที่สุด
·
ไก่สับเบตง
ไก่สับเบตง เป็นอาหารที่เลิศรสและขึ้นชื่อของเบตง
เป็นเมนูเด็ดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด และนอกจากไก่สับแล้ว ไก่เบตงยังสามารถปรุงเป็นอาหารรสเลิศได้อีกหลายชนิด
เช่น ไก่ตุ๋นเครื่องยาจีน ไก่ตุ๋นมะนาวดอง ต้มยำไก่ ไก่ต้มซีอิ๊ว
โดยไก่เบตงเป็นไก่ที่เลี้ยงเฉพาะท้องถิ่นเบตง เนื้อจะหวานนุ่ม
ไม่เปื่อยยุ่ยเหมือนไก่ทั่วไป เดิมเป็นไก่พันธุ์เลียงชาน
ที่ชาวจีนอพยพซึ่งมาตั้งรกรากในเบตงได้นำมาเลี้ยง และผสมพันธุ์กับไก่พื้นเมือง
จนแพร่หลายถึงทุกวันนี้ ลักษณะเด่นของไก่เบตง คือตัวผู้มีปากสีเหลืองอ่อน
ส่วนตัวเมียปากสีน้ำตาลเข้ม ตานูน แจ่มใส หงอนจักร หัวกว้าง คอตั้ง แข็งแรง
มีขนสีเหลืองทองที่หัว ปีกสั้น อกกว้าง ขาใหญ่ หน้าแข้งกลม และมีเล็บสีเทาอมเหลือง
และด้วยการเป็นไก่ซึ่งเปรียบเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเบตง
ส่งผลให้เทศบาลเมืองเบตงได้มีการจัดงานเทศกาลไก่เบตงขึ้นประจำทุกปี
เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์การเลี้ยงไก่สายพันธุ์นี้ให้คงอยู่คู่เบตงสืบไป
·
ผัดผักน้ำ
ผัดผักน้ำ มีลักษณะคล้ายผักชีล้อม
มีการเจริญเติบโตคล้ายผักบุ้ง ใบเล็ก ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ
ชอบขึ้นในที่ที่มีอากาศเย็น มีการเจริญเติบโตได้ดีในหน้าฝน และหน้าหนาว
หรือที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส
มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา และต้องเป็นน้ำที่ไหลมาจากภูเขา โดยเฉพาะน้ำที่ไหลมาจากซอกหิน
ชาวเบตงนิยมนำมาประกอบอาหารหลายอย่าง เช่น ผัดผักน้ำ ทำแกงจืด ต้มจิ้มกับน้ำพริก
ต้มกับกระดูกหมู เป็นต้น นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว
ยังมีสรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนในอีกด้วย

·
กบภูเขา
กบภูเขาเบตง เป็นกบที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ในป่าเบญจพรรณที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง
มีขนาดใหญ่กว่ากบทั่วไป ขนาดของน้ำหนักอยู่ที่ 0.5-1.0
กิโลกรัมต่อตัว ชาวเบตงนิยมนำกบเบตงมาผัด หรือทอดกระเทียมพริกไทย
หรืออาจจะใช้เนื้อกบแทนเนื้อหมูใส่ในโจ๊ก หรือที่เรียกว่าโจ๊กกบ ส่วนรสชาตินั้น
บอกได้คำเดียวว่า ถ้าท่านได้ลิ้มลองจะต้องติดใจ
·
หมี่เบตง
และซีอิ๊วเบตง
หมี่เบตง เป็นอาหารขึ้นชื่อของเบตง มีคุณสมบัติพิเศษ
คือเส้นเหนียวนุ่ม เมื่อนำไปผัดเส้นจะไม่ขาด
ทำให้ผู้ที่ได้รับประทานติดใจในความเหนียวนุ่มของเส้นหมี่ หมี่เบตงมี 2 ชนิด คือ หมี่สีเหลืองเหมือนหมี่ทั่วไป ที่จะต้องนำไปนึ่งให้สุกแล้วนำมาจับเป็นก้อน
เอาไปผึ่งแดดแล้วบรรจุลงถุง ส่วนหมี่ซั่วนั้นมีเส้นสีขาว
ซึ่งต่างกันที่หมี่ซั่วนั้นไม่ต้องนึ่ง แต่นำไปตากแดดแทน ส่วนซีอิ๊วเบตง
ซีอิ๊วที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครนั้น
ก็มีกรรมวิธีในการทำสลับซับซ้อน และใช้เวลานานทีเดียว
โดยกว่าจะได้ซีอิ๊วน้ำหนึ่งก็ต้องหมักประมาณ 3 เดือน
และถ้าต้องการซีอิ๊วน้ำสองก็ต้องใส่น้ำเกลือหมักต่ออีกอย่างน้อย 15 วัน แต่ถ้าต้องการซีอิ๊วดำต้องหมักทิ้งไว้ถึง 6 เดือน
แล้วนำน้ำซีอิ๊วที่ได้ไปต้มจนเดือด จะทำให้น้ำซีอิ๊วเปลี่ยนเป็นสีดำเองโดยธรรมชาติ

ที่สุดของอำเภอเบตง
·
พระพุทธรูปทองสัมฤทธ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
พระพุทธธรรมกายมงคลประยูรเกศานนท์สุพิธาน ขนาดหน้าตักกว้าง 9.99 เมตร สูง 14.29 เมตร
น้ำหนักประมาณ 40 ตัน ตั้งอยู่ที่วัดพุทธาธิวาส
·
ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เดิมตู้ไปรษณีย์มีลักษณะของตู้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
เป็นรูปกลมทรงกระบอกแยกได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนฐานและ ส่วนตัวตู้ ส่วนสูงของตัวตู้ คือ 2.9 เมตร นับจากฐานขึ้นไปรวมความสูงของตู้ด้วย วัดได้ 3.2 เมตร

·
สวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้
สวนดอกไม้เมืองหนาว ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2 เป็นโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
ทะเบียนรถเบตง
อำเภอเบตง
เป็นอำเภอที่ได้รับอนุญาตให้สามารถรับจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ รถยนต์
และคนขับรถได้ที่อำเภอ โดยไม่ต้องเข้ามาจดทะเบียนที่จังหวัดยะลา จึงเป็นผลให้อำเภอเบตงเป็นอำเภอเดียวในประเทศไทยที่รถจดทะเบียนจะได้รับป้ายทะเบียนรถ "เบตง" ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2468

ไก่เบตง
ไก่เบตง เดิมเป็นไก่พันธุ์เลียงซาน ที่ชาวจีน
ซึ่งอพยพมาตั้งรกรากในเบตงได้นำมาเลี้ยงและผสมพันธุ์กับไก่พื้นเมืองจนเป็นที่แพร่หลายถึงทุกวันนี้
ลักษณะเด่นของไก่เบตงคือ ตัวผู้มีปากสีเหลืองอ่อน ส่วนตัวเมียปากสีน้ำตาลเข้ม
ตานูนใส หงอนจักร หัวกว้าง คอตั้งแข็งแรง มีขนสีเหลืองทองที่หัว ปีกสั้น อกกว้าง
ขาใหญ่ หน้าแข้งกลม เล็บสีขาวอมเหลือง ไก่เบตงเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า
เป็นไก่พื้นเมืองที่ให้เนื้อที่มีคุณภาพดี และมีรสชาติแตกต่างไปจากไก่พื้นเมืองทั่ว
ๆ ไป คือ มีรสออกหอมหวานนุ่ม ไม่เละเหมือนเนื้อไก่อื่น ๆ
จนเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ปัจจุบันการเลี้ยงไก่เบตงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในอำเภอเบตงจนถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
และเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของอำเภอเบตง ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนเมษายนอำเภอเบตงได้มีการจัดงานเทศกาลไก่เบตงเป็นประจำขึ้นทุกปี
บุคคลที่มีชื่อเสียง
·
ปานวาด เหมมณี, เป็นนักแสดง และนางแบบชาวไทย
ซึ่งส่วนใหญ่บทบาทที่เธอได้รับมักเป็นนางร้าย เช่น ในละครเรื่องสงครามนางฟ้า
ละครดอกรักริมทาง เป็นต้น
·
ปณิธาน วัฒนายากร, เกิดที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา แต่เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้
ทำให้ต้องย้ายถิ่นฐานมาเติบโตที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่
5 ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และเคยดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลโดย http://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอเบตง
หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลโดย http://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอเบตง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น